Vámonos! Moonlighting and Its Enduring Appeal: A Quirky Love Story with Chemistry Like No Other!
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์ในยุค 80 คุณคงคุ้นเคยกับแนวรักขำ ๆ คลาสสิก ที่มักจะมาพร้อมกับตัวละครหล่อเหลา และนางเอกน่ารัก แต่ “Moonlighting” ไม่ใช่แค่ซีรีส์รักขำ ๆ ธรรมดา มันเป็นซีรีส์ที่ท้าทายความคาดหมายและกำหนดแนวทางใหม่ให้กับวงการโทรทัศน์
“Moonlighting” ออกอากาศครั้งแรกในปี 1985 และจบลงอย่างสวยงามในปี 1989 ประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยเรตติ้งสูงลิบ และกลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม แน่นอนว่าตัวละครหลักของเรื่องคือ เดวิด อเดลสไตน์ (รับบทโดย Bruce Willis) นักสืบส่วนตัวที่ทั้งเจ้าชู้และมีเสน่ห์ และ แมดดี้ เฮย์ส์ (รับบทโดย Cybill Shepherd) นักสืบสาวสวยฉลาดแกมโกง
ตลอด 5 ซีซั่นของซีรีส์ “Moonlighting” เราได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง เดวิด และ แมดดี้ พัฒนาไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นจากการเป็นคู่หูที่ทะเลาะกันบ่อย ๆ แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนากลายเป็นความรักแบบซับซ้อน โดยมีทั้งแรงดึงดูดทางเพศ ความอิจฉา และความขัดแย้ง
นอกจากพล็อตเรื่องเกี่ยวกับความรักแล้ว “Moonlighting” ยังโดดเด่นด้วยการนำเสนอแบบ episodic ในแต่ละตอนจะเจอกับคดีที่แตกต่างกัน เช่น การหายตัวไปอย่างลึกลับ การฆาตกรรม การปล้นทรัพย์ และการฉ้อโกง
ซีรีส์นี้ยังถูกกล่าวขานว่าเป็นซีรีส์ “proto-procedural” ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:
- เน้นการสืบสวนสอบสวน: แต่ละตอนจะมุ่งเน้นไปที่การไขปริศนาคดีและการจับคนร้าย
- ตัวละครหลักมีบทบาทเฉพาะเจาะจง: เดวิด และ แมดดี้ เป็นนักสืบส่วนตัว ที่มีความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหา
“Moonlighting” ยังเป็นซีรีส์ที่มีความฉลาดและทันสมัย โดยมักจะเล่นกับเรื่องของ meta-fiction
Ep. No. | Title | Case Type |
---|---|---|
1 | Pilot Episode | Missing Person |
5 | “The Dream Sequence Always Rings Twice” | Murder |
9 | “My Partner, The Fiend” | Fraud |
ตัวอย่างเช่น ในตอนหนึ่ง เดวิด และ แมดดี้ จะหันมาพูดกับผู้ชมโดยตรง หรือจะมีฉากที่พวกเขาเถียงกันว่าพล็อตของตอนนั้นควรจะดำเนินไปในทิศทางใด
ความสำเร็จของ “Moonlighting” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่เรื่องราวรักขำ ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Bruce Willis และ Cybill Shepherd
Willis แสดงเป็น เดวิด อเดลสไตน์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวละครนี้ทั้งเจ้าชู้และมีเสน่ห์ มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ก็ซ่อนความอ่อนแอเอาไว้
Shepherd ก็แสดงได้อย่างน่าทึ่งเช่นกัน เธอนำบทบาทของ แมดดี้ เฮย์ส์ ออกมาได้อย่างโดดเด่น เป็นผู้หญิงที่ทั้งฉลาดและมีความมั่นใจ แต่อาจจะมีนิสัยเจ้าระเบียบและเอาแต่ใจบ้าง
นอกจากนี้ “Moonlighting” ยังมีนักแสดงสมทบที่น่าสนใจอีกหลายคน เช่น Allyce Beasley (รับบทเป็น Agnes DiPesto) ผู้ช่วยของ เดวิด ที่ทั้งขี้หงุดหงิด และขี้อิจฉา และ Robert Romanus (รับบทเป็น Arthur)
ในที่สุด “Moonlighting” ก็จบลงในปี 1989 หลังจากออกอากาศไปทั้งหมด 67 ตอน ซีรีส์นี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักทำรายการโทรทัศน์มากมาย และยังคงได้รับความนิยมอยู่จนถึงปัจจุบัน
ถ้าคุณกำลังมองหาซีรีส์ cổ điển ที่ทั้งสนุกและมีสาระ “Moonlighting” ก็เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ!